การจัดการข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์
|
|
|
|
|
|
|
|
ในปัจจุบันสังคมเป็นสังคมสารสนเทศ ข้อมูลถือเป็นทรัพยากรที่มีค่าของทุกหน่วยงาน ไม่ว่าขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ หน่วยงานที่สามารถจัดการข้อมูลได้ดีกว่าย่อมได้เปรียบกว่าในทุกด้าน ดังนั้นจึงได้มีความพยายามนำเทคโนโลยีด้าน
คอมพิวเตอร์ เข้ามาช่วยในการจัดการข้อมูลโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้หน่วยงานมีข้อมูลที่มีความถูกต้อง แม่นยำ ทันสมัย และสะดวก ต่อการเรียกใช้งานมากที่สุด หากจินตนาการถึงการจัดการข้อมูลที่นิยมทำกันในปัจจุบัน ในคลีนิกแห่งหนึ่งมีการเก็บรวบรวมข้อมูลคนไข้ ที่มารับการรักษา ข้อมูลที่ต้องการเก็บ ได้แก่ ประวัติส่วนตัวของคนไข้ อาการที่มารับการรักษา วิธีการรักษา
และผลการรักษา วิธีหนึ่งที่ทำกันก็คือการจดบันทึกข้อมูลทั้งหมดลงบนกระดาษ และเก็บกระดาษนั้นไว้ ถ้ามีข้อความซ้ำกัน
เช่น ชื่อ และที่อยู่ของคนไข้ ฯลฯ เจ้าหน้าที่ต้องเขียนทุกใบก็จะเป็นการเสียเวลา ดังนั้นทางคลีนิกอาจใช้วิธีจ้างโรงพิมพ์
พิมพ์แบบฟอร์มขึ้นมาเพื่อให้การกรอกข้อมูลง่ายขึ้น ลองพิจารณาตัวอย่างของแบบฟอร์มที่คลีนิกแห่งหนึ่งใช้ ดังภาพ
ภาพ ตัวอย่างแบบฟอร์มการกรอกข้อมูลคนไข้


ในการจัดข้อมูลนี้ทางคลีนิกใช้ตู้เก็บเอกสารขนาดใหญ่สำหรับเก็บกระดาษ แบบฟอร์มและดำเนินการเก็บเรียงไว้
ในลิ้นชัก เมื่อมีคนไข้ใหม่เพิ่มขึ้นก็เพิ่มต่อกระดาษแบบฟอร์มใหม่เข้าไป ลักษณะการจัดการข้อมูลดังกล่าวเปรียบเทียบได้
กับการจัดการ แฟ้มข้อมูล ที่ใช้ทางคอมพิวเตอร์นั่นเอง
เมื่อพิจารณาบัตรคนไข้จะเห็นว่าข้อมูลที่อยู่บนบัตรมีความหมายต่างกัน การที่ข้อมูลแสดงความหมายได้จะต้องประกอบ ด้วยส่วนข้อมูลที่พิมพ์บนบัตร กับส่วนข้อมูลที่กรอกเพิ่มเติม ส่วนข้อมูลที่พิมพ์บนบัตรคือส่วนที่อธิบายเนื้อหาลักษณะของข้อมูลที่ต้องการ ทำให้ส่วนข้อมูลที่กรอก เพิ่มเติมคือตัวข้อมูลชัดเจนขึ้น และทำให้ควบคุมการใช้ตัวข้อมูลให้เกิด ประโยชน์ กว้างขวางขึ้น การจะใช้งานข้อมูลให้ได้ผล จึงต้องมีทั้งตัวข้อมูลและคำอธิบายเนื้อหาลักษณะของข้อมูล |
หากพิจารณาถึงการจัดการข้อมูลจะหมายถึง การจัดเก็บข้อมูล-การเรียกใช้ข้อมูล รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการใช้งาน ในการเรียกใช้ข้อมูลเมื่อมีคนไข้มาติดต่อ เจ้าหน้าที่จะต้องค้นหาข้อมูลเดิมของคนไข้ ทางหนึ่งที่ทำได้คือตรวจดูข้อมูล
บนบัตร แบบฟอร์มทีละใบตั้งแต่ใบแรกจนพบ การค้นหาวิธีนี้อาจเสียเวลาบ้าง แต่หากการจัดเก็บข้อมูลมีการจัดเรียงชื่อตามตัวอักษร เช่น ก ข ค... ไว้แล้ว เมื่อทราบชื่อคนไข้และค้นหาตามตัวอักษรก็จะพบข้อมูลได้เร็วขึ้น |
ระบบฐานข้อมูลเป็นสิ่งที่จำเป็นและเกี่ยวข้องกับการใช้งานประจำวัน การตัดสินใจของผู้บริหาร จะ กระทำได้รวดเร็ว
ถ้ามีข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอ จึงมีการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยประมวลผล เพื่อให้ได้สาร สนเทศ ดังกล่าว แต่การประมวลผล
ด้วยคอมพิวเตอร์จำเป็น ต้องมีหลักการและวิธีการ ที่ทำให้ระบบ มีระเบียบแบบแผนที่ดี |
การเก็บข้อมูลนั้นผู้จัดเก็บจำเป็นต้องทำการแยกแยะ และพยายามหาทางลดขนาด ของข้อมูลให้สั้นที่สุด แต่ให้ได้
ความหมายในตัวเองมากที่สุด โดยปกติข้อมูลที่ต้องการเก็บมีเป็นจำนวนมาก เช่น บริษัทแห่งหนึ่งมีข้อมูลเก็บเป็นจำนวนหลายแฟ้ม การเก็บข้อมูลจึงจำเป็นต้องแยกกลุ่มออกจากกัน แต่ข้อมูลระหว่างกลุ่มก็อาจจะ มีความสัมพันธ์หรือเกี่ยวข้องกันได้ ความสัมพันธ์ระหว่าง กลุ่มนี้เองเป็นส่วนที่ทำให้เกิดระบบฐานข้อมูล ซึ่งเป็นศาสตร์ที่จำเป็นต้องเข้าใจหลักการและวิธีการ เพื่อให้เกิดการเก็บ เรียกหา ค้นหา หรือใช้งานข้อมูลได้ประสิทธิภาพสูงสุด จึงมีการแยกกลุ่มข้อมูล โดยยึดหลักการพื้นฐานว่าข้อมูลแต่ละกลุ่มจะเป็นสิ่งที่มองเห็นหรือจับต้องได้ เช่น คน สิ่งของ สินค้า สถานที่ ข้อมูลแต่ละกลุ่มที่แยกนี้เรียกว่า เอนทิตี (entity) โดยสรุปเอนทิตี หมายถึง สิ่งที่เราสามารถ มองเห็นภาพลักษณ์ได้ โดยข้อสนเทศของเอนทิตีจะสามารถแยกออกได้เป็นสองส่วน คือ เนื้อหาและข้อมูล
สำหรับเนื้อหาของเอนทิตีชนิดเดียวกันจะมีลักษณะเหมือนกัน แต่ส่วนของข้อมูลจะแตกต่างกันออกไป เนื้อหาจึงเป็นส่วน ที่จะบอกรายละเอียดเพื่อขยายข้อมูลให้ได้ความหมายครบถ้วนยิ่งขึ้น พิจารณาจากระบบข้อมูลโดยดูตัวอย่างเอนทิตีของบุคลากรของบริษัทแห่งหนึ่ง ในตาราง
ตารางแสดง เอนทิตี้เดียวกันจะมีลักษณะเหมือนกัน
เอนทิตี |
เนื้อหา |
ข้อมูล |
บุคลากร |
ชื่อ |
นายดำ สะอาดดี |
|
อาชีพ |
พนักงานขับรถ |
|
โดยปกติเอนทิตีต่างกันก็จะมีเนื้อหาที่แตกต่างกันออกไปด้วย เช่น เอนทิตีของบุคลากร จะแตกต่าง
จากเอนทิตี ของสินค้า ซึ่งมี รายละเอียดตามตัวอย่าง |
ตารางแสดง เอนทิตี้ต่างกัน
เอนทิตี้ |
เนื้อหา |
ข้อมูล |
สินค้า |
รหัสสินค้า |
0212 |
|
ชื่อสินค้า |
ทรานซิสเตอร์ |
|
จำนวนสินค้า |
100 ตัว |
|
ราคาสินค้า |
10 บาท |
|
|
โครงสร้างของข้อมูล
การกำหนดคุณสมบัติของข้อมูล