รหัสแทนข้อมูลในคอมพิวเตอร์
|
|
|
|
|
|
|
|
คอมพิวเตอร์ทำงานด้วยหลักการทางอิเล็กทรอนิกส์
ที่แทนสัญญาณทางไฟฟ้าด้วยตัวเลขศูนย์และหนึ่ง ซึ่งเป็นตัวเลขในระบบเลขฐานสองแต่ละหลักเรียกว่าบิต
(binary digit : bit) และเมื่อนำตัวเลขหลาย ๆ บิตมาเรียงกัน จะใช้สร้างรหัสแทนความหมายจำนวน
ตัวอักษร หรือสัญลักษณ์ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทยได้
และเพื่อให้การแลกเปลี่ยนข้อความระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์เป็นไปในแนวเดียวกันจึงมีการกำหนดมาตรฐาน
รหัสตัวเลขในระบบ
เลขฐานสอง
สำหรับแทนสัญลักษณ์เหล่านี้
รหัสมาตรฐานที่นิยมใช้กันมากมีสองกลุ่มคือ
1)
รหัสแอสกี
รหัสแอสกี
(ASCII) เป็นเป็นรหัสที่กำหนดขึ้นโดยหน่วยงานกำหนดมาตรฐานของสหรัฐอเมริกา
ย่อมาจาก American Standard Code for Information Interchange เป็นรหัส
8 บิต ใช้แทนสัญลักษณ์ต่าง ๆ ได้ 256 ตัว นิยม
ใช้กันแพร่หลายกับระบบคอมพิวเตอร์ทั่วไปและระบบสื่อสารข้อมูล
บิตที่
7 6 5 4 3
2 1 0
โครงสร้างของรหัสแอสกี
มีดังนี้
บิตที่
4 - 7 ประเภทของตัวอักขระ
0010
เครื่องหมายต่าง
ๆ
0011
ตัวเลขและเครื่องหมายต่าง ๆ
0100
A - O
0101
P
- Z และเครื่องหมายต่าง ๆ
0110
a
- o
0111
p
- z และเครื่องหมายต่าง ๆ
บิตที่
0 ถึง 3 เป็นรหัสแทนอักขระแต่ละตัวในกลุ่ม
ตัวอย่าง รหัสแทนข้อมูลแบบ ASCII
บิตที่ |
7 |
6 |
5 |
4 |
3 |
2 |
1 |
0 |
|
|
0 |
0 |
1 |
1 |
0 |
1 |
1 |
1 |
แทน 7 |
|
0 |
1 |
0 |
0 |
0 |
1 |
1 |
1 |
แทน G |
|
0 |
1 |
1 |
0 |
0 |
1 |
1 |
1 |
แทน g |
|
0 |
1 |
0 |
0 |
1 |
0 |
1 |
0 |
แทน J |
|
0 |
0 |
1 |
0 |
1 |
0 |
1 |
1 |
แทน + |
จากหลักการของระบบเลขฐานสอง แต่ละบิตสามารแทนค่าได้ 2 แบบ คือ เลข 0 หรือเลข 1 ถ้าเราเขียนเลขฐานสอง
เรียงกัน 2 บิต ในการแทนอักขระ เราจะมีรูปแบบในการแทนอักขระได้ 2 หรือ 4 รุปแบบคือ 00 ,01 ,10 ,11 ดังนั้นในการใช้รหัสแอสกีซึ่งมี 8 บิต ในการแทนอักขระแล้ว เราจะมีรูปแบบที่ใช้แทนถึง 28 หรือ 256 รูปแบบ ซึ่งเมื่อใช้แทนตัวอักษรภาษาอังกฤษแล้ว
ยังมีเหลืออยู่ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ สมอ.จึงได้กำหนดรหัสภาษาไทยเพิ่มลงไปเพื่อให้ใช้งานร่วมกัน
ตัวอย่าง การแทนข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์
A
|
0100 0001
|
X
|
0101 1000
|
B
|
0100 0010
|
Y
|
0101 1001
|
C
|
0100 0011
|
Z
|
0101 1010
|
D
|
0100 0100
|
0
|
0011 0000
|
E
|
0100 0101
|
1
|
0011 0001
|
F
|
0100 0110
|
2
|
0011 0010
|
G
|
0100 0111
|
3
|
0011 0011
|
H
|
0100 1000
|
4
|
0011 0100
|
I
|
0100 1001
|
5
|
0011 0101
|
J
|
0100 1010
|
6
|
0011 0110
|
K
|
0100 1011
|
7
|
0011 0111
|
L
|
0100 1100
|
8
|
0011 1000
|
M
|
0100 1101
|
9
|
0011 1001
|
N
|
0100 1110
|
.
|
0010 1110
|
O
|
0100 1111
|
(
|
0010 1000
|
P
|
0101 0000
|
+
|
0010 1011
|
Q
|
0101 0001
|
$
|
0010 0100
|
R
|
0101 0010
|
*
|
0010 1010
|
S
|
0101 0011
|
)
|
0010 1001
|
T
|
0101 0100
|
-
|
0010 1101
|
U
|
0101 0101
|
/
|
0010 1111
|
V
|
0101 0110
|
'
|
0010 1100
|
W
|
0101 0111
|
=
|
0010 1101
|
ตารางรหัสแอสกี
(ASCII - American Standard Code for Information Interchange) |

|

2)
รหัสเอ็บซีดิก
รหัสเอ็บซีดิก
(EBCDIC) เป็นคำย่อมาจาก Extended Binary Coded Decimal Interchange Code
พัฒนาและใช้งาน
โดยบริษัทไอบีเอ็ม เครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรมของไอบีเอ็มยังคงใช้รหัสนี้
การกำหนดรหัสจะใช้ 8 บิต หรือ 1 ไบต์ ต่อหนึ่งอักขระ
เหมือนกับรหัสแอสกี
แต่รูปแบบของรหัสที่กำหนดจะแตกต่างกัน
บิตที่
0 1 2 3 4 5 6 7
โครงสร้างรหัสเอ็บซีดิก
มีดังนี้
บิตที่
รหัส
ประเภทของตัวอักขระ
0
- 1 01
สัญลักษณ์ต่าง
ๆ
10
ตัวหนังสือภาษาอังกฤษแบบพิมพ์ตัวเล็ก
11
ตัวหนังสือภาษาอังกฤษแบบพิมพ์ตัวใหญ่และตัวเลข
2
- 3
00
A
- I
01
J
- R
10
S
- Z
11
ตัวเลข
4
- 7 รหัสแทนอักขระแต่ละตัวในกลุ่ม
ตัวอย่าง รหัสแทนข้อมูลแบบเอ็บซีดิก
บิตที่ |
0 |
1 |
2 |
3 |
4 |
5 |
6 |
7 |
อักขระที่แทน |
|
1 |
1 |
1 |
1 |
0 |
1 |
1 |
1 |
แทน 7 |
1 |
1 |
0 |
0 |
0 |
1 |
1 |
1 |
แทน G |
1 |
0 |
0 |
0 |
0 |
1 |
1 |
1 |
แทน g |
1 |
1 |
0 |
1 |
0 |
0 |
0 |
1 |
แทน J |
0 |
1 |
0 |
0 |
1 |
1 |
1 |
1 |
แทน + |
3)
รหัสยูนิโค้ด 
รหัสยูนิโค้ด
(Unicode) เป็นรหัสที่สร้างขึ้นมาในระยะหลังที่มีการสร้างแบบตัวอักษรของภาษาต่าง ๆ รหัสยูนิโค้ด
เป็นรหัสที่ต่างจาก 2 ชนิด ที่ได้กล่าวมา คือใช้เลขฐานสอง 16 บิต ในการแทนตัวอักษร เนื่องจากที่มาของการคิดค้นรหัสชนิดนี้
คือ เมื่อมีการใช้งานคอมพิวเตอร์ในหลายประเทศและมีการสร้างแบบตัวอักษร (font) ของภาษาต่าง ๆ ทั่วโลกในบางภาษา เช่น
ภาษาจีน และภาษาญี่ปุ่น เป็นภาษาที่เรียกว่าภาษารูปภาพ ซึ่งมีตัวอักษรเป็นหมื่นตัว หากใช้รหัสที่เป็นเลขฐานสอง 8 บิต
เราสามารถแทนรูปแบบตัวอักษรได้เพียง 256 รูปแบบซึ่งไม่สามารถแทนตัวอักษรได้ครบ จึงสร้างรหัสใหม่ขึ้นมาที่สามารถ
แทนตัวอักขระได้ถึง 65,536 ตัว ซึ่งมากพอและสามารถแทนสัญลักษณ์กราฟิกและสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ได้อีกด้วย

ที่มา : http://www.school.net.th/library/
http://www.chakkham.ac.th/
http://www.piacec.moe.go.th
หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้พื้นฐาน เทคโนโลยีสารสนเทศ ช่วงชั้นที่ 4 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 ของ สสวท

