5. อุปกรณ์รับเข้าแบบกราดตรวจ |
1. เครื่องอ่านรหัสแท่ง
รหัสแถบ
(Bar code) คือ แถบเส้นดำยาวพิมพ์เรียงเป็นแถบบนตัวภาชนะ สำหรับบรรจุสินค้าที่วางขายกันตามร้านค้าหรือซูเปอร์มาร์เก็ททั่วไป
สิ่งซึ่งแถบดำเหล่านี้เหมายถึงนั้น มักจะเป็น "ข้อความ"
ที่ใช้บ่งบอกตัวสินค้านั้น ๆ
เช่นว่า ยาสีฟัน เป็นต้น
การใช้รหัสแถบบวกกับเครื่องอ่านรหัสแถบนี้ทำให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว
และความแม่นยำในการทำงานได้มาก
ตัวอย่างในซูเปอร์มาร์เก็ท
รหัสแถบที่ติดอยู่บนตัวสินค้า
จะทำให้การคิดเงินทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
คือเมื่อพนักงานเพียงแต่ใช้ตัวอ่านรหัสแถบรูดผ่านรหัสแถบ
ก็จะทราบว่า สินค้าชนิดนั้นเป็นสินค้าอะไร
เมื่อบวกกับการโปรแกรมราคาสินค้าเข้ากับเครื่องคิดเงินบางประเภท
ความผิดพลาดในการกดราคาสินค้าก็จะไม่เกิดขึ้น
และในกรณีนี้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องติดราคาสินค้าลงบนสินค้าทุกตัว
ทำให้สะดวกต่อการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าในอีกทางหนึ่ง
อีกตัวอย่างของการใช้รหัสแถบได้แก่
ศูนย์แยกจดหมายหรือสิ่งของพัสดุภัณฑ์
ในปัจจุบันการแยกแยะจดหมายอัตโนมัติโดยการ ให้เครื่องอ่านที่อยู่บนซองจดหมายหรือพัสดุภัณฑ์นั้นยังทำไม่ได้ถึง
100 เปอร์เซ็นต์
และอีกประการหนึ่งความรวดเร็วก็ยังไม่ได้ระดับที่น่าพอใจ
ระบบแยกจดหมายจึงใช้รหัสแถบเป็นสื่อกลาง
โดยก่อนที่จะมีการส่งเข้าระบบแยก
เราจะทำการตีรหัสแทนที่อยู่ปลายทางลงบนตัวจดหมายก่อน
ในปัจจุบัน
รหัสแถบนี้มีบทบาทอย่างมากในการประยุกต์ใช้
เพื่อการบ่งบอกวัตถุอย่างอัตโนมัติ (Automatic
Identification)
สืบเนื่องจากเทคนิคและอุปกรณ์สำหรับการ
recognize
รหัสแถบนี้อยู่ในขั้นปฏิบัติการได้อย่างแน่นอนแล้ว
ซึ่งผิดกับการ Identification
ด้วยภาพหรือเสียงที่ยังต้องค้นคว้าปรับปรุงกันอีกมาก
หลักการอ่านรหัสแถบ
สำหรับการอ่านรหัสแถบ
เขาใช้หลักการที่ว่า
พื้นสว่างจะสะท้อนได้มากกว่าพื้นมืด
ดังนั้นเมื่อตัวอ่านถูกกวาดไปบนรหัสแถบ
ลำแสงที่ถูกปล่อย ออกมาจากหัวอ่านจะสะท้อนกลับมาหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับว่า
มันได้ตกกระทบแถบขาวหรือแถบดำ
แสงสะท้อนกลับเหล่านี้จะถูกดัดแปลงเป็นสัญญาณไฟฟ้า
โดย Photodiode ที่ติดอยู่ที่หัวอ่าน
องค์ประกอบสำคัญของตัวอ่านรหัสแถบก็คือ
ขนาดของลำแสงที่ส่งออกมานั้น
จะต้องสัมพันธ์กับความละเอียด (resolution) ของแถบ
กล่าวคือ
ขนาดของมันจะต้องไม่ใหญ่กว่าความกว้างของแถบดำหรือแถบขาวที่แคบที่สุด
ในทางปฏิบัติเขาใช้จุดลำแสงที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ
0.2 มม.
ส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งก็คือความยาวคลื่นของแสงที่ใช้
ซึ่งขึ้นกับว่าจะใช้อ่านรหัสแถบสีอะไร
โดยทั่วไปเขาใช้แสงอินฟราเรด (Infrared)
ที่มีความยาวคลื่นประมาณ 0.95 ไมครอน (micron)
สำหรับอ่านแถบขาวดำ
และใช้แสงสีแดงที่มีความยาวคลื่น
0.65 ถึง 0.7 ไมครอน
สำหรับอ่านรหัสแถบสีเขียวหรือสีน้ำเงินที่พิมพ์บนพื้นสีเหลืองหรือส้ม
ลักษณะของรหัส
ในการอธิบายลักษณะของรหัสนั้น
เขาจะใช้พารามิเตอร์อยู่สองสามตัว
กล่าวคือ สิ่งแรก
ดูว่ารหัสแถบนั้นเป็นชนิด NRZ (Not Return to
Zero) หรือว่าชนิดโมดูเลชัน (Modulation) ด้วยความกว้าง
ในกรณีที่เป็น NRZ การรักษาระดับลอจิค (logic)
ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนระดับสัญญาณ
กล่าวคือ ถ้าแถบขาวแทนเลข 0
เราสามารถจะแทนเลข 0
หลายตัวที่อยู่ติดกันได้ด้วยแถบขาวยาว
โดยไม่ต้องมีแถบดำสลับกันไป
แต่ในกรณีที่รหัสเป็น แบบโมดูเลชันด้วยความกว้างนั้น
เราจะกำหนดเอาว่า 1 คือ
แถบขาวหรือแถบดำที่กว้าง และ 0 คือ
แถบขาวหรือแถบดำที่แคบ
ดังนั้นการแทนตัวเลข สองตัวที่เหมือนกันและอยู่ติดกัน
จึงต้องมีการ "สับเปลี่ยน"
ตัวอย่างเช่น เลข 0
สองตัวติดกันจะต้องแทนด้วยแถบขาวและแถบดำ
ไม่ใช่แถบดำหรือ แถบขาวสองแถบติดกัน
เพราะจะทำให้กลายเป็นการแทนเลข 1
หนึ่งตัว ซึ่งไม่ใช่เลข 0
สองตัวตามที่ต้องการไป
เรายังมักเรียกรหัสแถบชนิด
โมดูเลชันตามความกว้างว่าเป็นรหัสสองระดับ
(แคบ/กว้าง)
สิ่งที่สองที่เราพูดกันก็คือ
รหัสนั้นเป็นชนิดต่อเนื่องหรือไม่ต่อเนื่อง
(Discrete) กล่าวคือ
ในชนิดไม่ต่อเนื่องจะมีการแทรกช่องว่าง
(เปรียบได้กับการเว้นวรรค) ระหว่างตัวอักษร
ดังนั้นรหัสแถบชนิดนี้จะกินเนื้อที่มาก
เพื่อเปรียบเทียบการกินเนื้อที่มากน้อย
เขาจึงได้นิยามความหนาแน่น ของรหัสขึ้น โดยให้มันเท่ากับ
จำนวนอักษรต่อความยาวหนึ่งหน่วย
(นิ้วหรือ ซม.)
ความหนาแน่นนี้จะขึ้นด้วยตรงกับความกว้างของ